แนวข้อสอบ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ ท้องถิ่น ปี 2567-2568
แนวข้อสอบ
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยการจัดทาแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548
1. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์-กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้ของปี 3 พ.ศ.ใด
ก. ปี 2546
ข. ปี 2546 แก้ไขถึงฉบับที่ 2 พ.ศ. 2549
ค. ปี 2548 แก้ไขถึงฉบับที่ 2 พ.ศ. 2550
ง. ปี 2548
ตอบ ง. ปี 2548
2. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์-กรปกครองส่วนท้องถิ่น ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายใด
ก. พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.
2496
ข. พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ. 2542
ค. พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
3. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์-กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปัจจุบันได้ยกเลิกระเบียบฉบับใด
ก. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนทองถิ่น พ.ศ.
2546
ข. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำและประสานแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นพ.ศ. 2546
ค. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนจังหวัด
เทศบาล เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2546
ง. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2546
ตอบ ข. ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำและประสานแผนพัฒนาขององค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นพ.ศ. 2546
4. องค์-กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์-กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล เมืองพัทยา
ข. เทศบาล เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร
ค. องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล เมืองพัทยา
ง. องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล
ตอบ ข. เทศบาล เมืองพัทยา กรุงเทพมหานคร
5. สภาองค์-กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมายความว่า ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สภาเทศบาล สภาเมืองพัทยา
ข. สภาเทศบาล สภาเมืองพัทยา สภาองค์การบริหารส่วนตำบล
ค. สภาองค์การบริหารส่วนตำบล สภาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง
ง. สภาเมืองพัทยา และสภากรุงเทพมหานคร
ตอบ ง. สภาเมืองพัทยา และสภากรุงเทพมหานคร
6. คณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่น หมายความว่า ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. คณะกรรมการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข. คณะกรรมการพัฒนาเมืองพัทยา
ค. คณะกรรมการพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกฎหมายจัดตั้ง
ง. คณะกรรมการพัฒนาเทศบาล
ตอบ ก. คณะกรรมการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
7. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น หมายความว่า ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และคณะกรรมการ
สนับสนุนการจัดทำแผนสภาตำบล
ข. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการ
สนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล
ค. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีกฎหมาย
จัดตั้ง
ง. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาเมืองพัทยา
ตอบ ก. คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และคณะกรรมการ
สนับสนุนการจัดทำแผนสภาตำบล
8. คณะกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาท้องถิ่น หมายความว่า ข้อใดกล่าวผิด
ก. คณะกรรมการติดตามประเมินผลแผนพัฒนาเมืองพัทยา
ข. คณะกรรมการติดตามประเมินผลแผนพัฒนาจังหวัด
ค. คณะกรรมการติดตามประเมินผลแผนพัฒนาเทศบาล
ง. คณะกรรมการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล
ตอบ ข. คณะกรรมการติดตามประเมินผลแผนพัฒนาจังหวัด
9. อำเภอ หมายความรวม ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์-กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก. สุขาภิบาล
ข. กิ่งอำเภอ
ค. อำเภอเมือง
ง. หมู่บ้านในเขตอำเภอ
ตอบ ข. กิ่งอำเภอ
10. ผู้บริหารท้องถิ่น หมายความว่า ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก. นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกเมืองพัทยา
ข. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และนายอำเภอ
ค. นายกเทศมนตรี และนายกเมืองพัทยา
ง. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
ตอบ ข. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล และนายอำเภอ
แนวข้อสอบ การบริหารแผนงาน นโยบาย โครงการ
1. แผนงานและโครงการคืออะไร
一. เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กรหรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารหรือบุคลากรปฏิบัติงาน
二. กําหนดขึ้นภายนอกวัตถุประสงค์และขอบข่ายงานที่ได้กําหนดไว้
三. เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กรหรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร
四. สัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันที่แบ่งแยกออกแต่ละฝ่าย
ตอบ ค. เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กรหรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร
แผนงานและโครงการคือ
แผนงาน/โครงการ เป็นสัญญาเพื่อที่จะทํางานร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย คือ เจ้าหน้าที่ขององค์กร
หรือสายงานที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร ที่กําหนดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์และขอบข่ายงานที่ได้กําหนดไว้
แผนงานและโครงการเป็นการเพิ่มศักยภาพการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยกิจกรรม
ต่าง ๆ ซึ่งต้องมีการหารือกันกับผู้ที่เกี่ยวข้อง และในแต่ละกิจกรรม แต่ละขั้นตอนต้องกําหนดระยะเวลา
เริ่มต้นและระยะเวลาสิ้นสุด มีตัววัดความสําเร็จแต่ละกิจกรรมและขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง
2. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของฝ่ายจัดการในภาพโดยรวม
一. การกําหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์/ยุทธศาสตร์ นโยบายที่เหมาะสม
二. การวางแผนและโครงการให้สัมพันธ์กับเป้าประสงค์หลัก (Strategic Objective)
三. กําหนดงานต่าง ๆ ที่ต้องทํา
四. จัดให้มีการติดตาม และรายงานผลความสําเร็จที่ปฏิบัติจริงเทียบกับแผนงาน
ตอบ ค. กําหนดงานต่าง ๆ ที่ต้องทํา
หน้าที่ของฝ่ายจัดการในภาพโดยรวม
เพื่อบรรลุสู่วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และการจัดทําแผนงาน/โครงการ ฝ่ายจัดการควรคํานึงถึง
1. การกําหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์/ยุทธศาสตร์ นโยบายที่เหมาะสม
2. การวางแผนและโครงการให้สัมพันธ์กับเป้าประสงค์หลัก (Strategic Objective)
3. รวบรวมความต้องการข้อมูลและสารสนเทศที่เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับแผนงาน
4. กําหนดทรัพยากร สนับสนุนแผนงานเพื่อบรรลุพันธกิจของ องค์กร
5. กําหนดขอบเขตของงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง
6. จัดให้มีการปฏิบัติ ควบคุม และวัดผลความสําเร็จของแผนงานนั้น ๆ
7. จัดให้มีการติดตาม และรายงานผลความสําเร็จที่ปฏิบัติจริงเทียบกับแผนงาน
3. ข้อใดคือวัตถุประสงค์ของการวางแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องขององค์กรทั่วไป
一. กําหนดเป้าประสงค์ของแผนงานและโครงการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่วัดได้
二. แปลงความต้องการให้ปรากฏในแผนงาน
三. กําหนดทรัพยากรที่ต้องการใช้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสื่อให้หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อการประสานงานที่เหมาะสม
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
วัตถุประสงค์ของการวางแผนงาน และโครงการที่เกี่ยวข้องขององค์กรทั่วไป
1. กําหนดเป้าประสงค์ของแผนงานและโครงการให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่วัดได้
2. เพื่อให้เห็นภาพของแผนงาน/โครงการได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. แปลงความต้องการให้ปรากฏในแผนงาน
4. กําหนดงานต่าง ๆ ที่ต้องทํา
5. กําหนดวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของแต่ละงาน
6. กําหนดทรัพยากรที่ต้องการใช้ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสื่อให้หน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อการประสานงานที่เหมาะสม
7. เป็นแนวทางและพื้นฐานในการประมาณการ ติดตาม และควบคุมโครงการ และรายงานเพื่อ
การเปรียบเทียบผลที่ไดอยางชัดเจน
4. ข้อใดคือแนวทางที่มีความสําคัญในการปรับตัวขององค์การ
一. องค์กรจะต้องปรับตัวให้ทันกับการแข่งขัน
二. องค์กรต้องปรับปรุงและพัฒนาด้านคุณภาพของการบริหารจัดการภายใน
三. องค์กรต้องนําเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้งาน
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
5. สําหรับความหมายของการบริหารนั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอะไร
一. หน่วยงานที่ผู้บริหารจัดการ
二. ความเชื่อและความเข้าใจของผู้บริหารแต่ละคน
三. บุคลากรในองค์กรที่บริหารจัดการ
四. ผู้บริหารนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้งาน
ตอบ ข. ความเชื่อและความเข้าใจของผู้บริหารแต่ละคน
6. การบริหารในส่วนของผู้บริหารที่จะต้องปฏิบัติ ได้แก่อะไรบ้าง
一. การวางแผนการจัดองค์การ
二. การจัดคนเข้าทํางาน
三. การสั่งการ และการควบคุม
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
7. องค์การจําเป็นต้องนําแนวทางการบริหารโครงการมาใช้ในการดําเนินงาน ได้เกิดความนิยมขึ้น ตั้งแต่ช่วงปีใด
一. 1960 ค. 1980
二. 1970 ง. 1990
ตอบ ก. 1960
8. ข้อใดไม่ใช่สาเหตุที่ทําให้มีการนําการบริหารโครงการมาใช้อย่างแพร่หลายในเรื่องการมุ่งเน้นคุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์
一. มีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ
二. เกิดเทคโนโลยีระดับสูง
三. ความต้องการของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากการผลิตแบบเก่าลดน้อยลง
四. การนําเทคโนโลยีใช้กันอย่างกว้างขวางทําให้กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ สั้นลง
ตอบ ค. ความต้องการของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากการผลิตแบบเก่าลดน้อยลง
9. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับความสําคัญของการบริหารโครงการ
一. การบริหารโครงการทั่วไปที่เป็นการบริหารงานที่มีลักษณะของการดําเนินงานอย่างเป็นประจํา
二. เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อถูกนําไปใช้ในการดําเนินกิจกรรมที่มีความสลับซับซ้อน
三. องค์การเพียงส่วนเดียวที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากทรัพยากรทางการบริหารที่มีอยู่อย่างจํากัด
四. ถูกทุกข้อ
ตอบ ค. เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อถูกนําไปใช้ในการดําเนินกิจกรรมที่มีความสลับซับซ้อน
10. ข้อใดกล่าวถูกต้อง
一. การจัดการมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ
二. บริหารมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ
三. การบริหารและการจัดการมักนิยมใช้ในด้านราชการ
四. การบริหารและจัดการมักนิยมใช้ในทางด้านธุรกิจ
ตอบ ก. การจัดการมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ
การจัดการ (Management) และการบริหาร (Administration) พบว่า การจัดการมักนิยมใช้ในด้านธุรกิจ โดยจะเป็นการจัดการตามนโยบายที่องค์การได้กําหนดไว้ ส่วนการบริหารมักนิยมใช้ในด้านการบริหารราชการที่มุ่งเน้นในเรื่องของการบริหาร หรือจัดการเกี่ยวกับนโยบายของหน่วยงานต่างๆ อย่างไรก็ดีคําว่าการจัดการกับการบริหารโดยทั่วไปใช้แทนกันได้ (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,2536, หน้า 59)